หลายคนอาจจะสลดใจกับการตายของวาฬสเปิร์มที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย แม้ว่าสาเหตุการตายยังไม่แน่ชัดแต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีขยะถึง 6 กิโลกกรัมในท้องของมัน มีแก้วพลาสติกถึง 115 แก้ว ถุงพลาสติกอีก 25 ใบ ขวดพลาสติก 4 ขวด รองเท้า 4 ข้างและพลาสติกอีกจำนวนมาก มีแม้กระทั่งจานหักๆและเศษขยะอื่นๆ
วาฬตายแล้วโลกจะร้อนขึ้น
ฟังดูอาจจะไม่เกี่ยวกันแต่จริงๆแล้ววาฬช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เจ้าวาฬตัวใหญ่ยักษ์เหมือนแหล่งกักเก็บคาร์บอนอย่างดี เมื่อมันตายก็จะพาคาร์บอนเหล่านี้จมลงสู่ก้นทะเลก็แทนที่จะหลุดลอยไปในบรรยากาศ
ส่วนอึของวาฬนี่เหม็นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมันมีสารอาหารเยอะมากทั้งธาตุเหล็กและไนโตรเจนเหมือนกับการหว่านปุ๋ยให้กับแพลงตอนพืชได้เติบโต เช่นเดียวกับต้นไม้ที่คอยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ โดยปกติแล้วแพลงค์ตอนพืชก็จะลอยอยู่ในน้ำและการว่ายหรือการโผล่มาหายใจของวาฬจะช่วยพาแพลงค์ตอนพืชมาที่ผิวน้ำทำให้สังเคราะห์แสงได้ดียิ่งขึ้นด้วย
อยากรู้ว่าแพลงค์ตอนพืชตัวเล็กๆสำคัญแค่ไหน
ให้คุณลองหายใจเข้า และหายใจออก
.
.
เข้า และ ออก อีกทีสิ.....
ลมหายใจที่ 2 ของคุณมาจากทะเล ปริมาณแพลงค์ตอนพืชมากมายมหาศาลช่วยผลิตออกซิเจนประมาณ 50% ของโลกใบนี้และช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มหาศาลเช่นกัน
นักวิจัยคำนวณคร่าวๆว่าในแต่ละปีวาฬสเปิร์มทั้งโลกจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้เท่ากับป่า 2.8 ตารางกิโลเมตร....การตายของวาฬจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจเท่านั้น แต่เรายังเสียบริการทางธรรมชาติอีกมากที่สิ่งมีชีวิตอันน่ามหัศจรรย์นี้มอบให้แก่เรา (นี่ยังไม่นับรวมมูลค่าทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชมวาฬ)
ไม่มีช่วงเวลาไหนของการอนุรักษ์หรือแก้ไขปัญหาที่เริ่มต้นได้ดีเท่า “ตอนนี้” อีกแล้ว มาลดขยะกันนะคะ อย่างน้อยเราก็แน่ใจได้ว่าการใช้ชีวิตของเราจะไม่ได้ไปทำร้ายใคร
#RIP #BYO #RefillStationBKK